Afleveringen
-
ข้อความโพสต์จาก Ryan Holiday ได้เขียนข้อความไว้ว่า "จงเงียบ ขยันหมั่นเพียร และมีสุขภาพที่ดี มันไม่ใช่สิ่งที่ต้องใช้พลังหรือทักษะอะไรมากมายในการดำเนินไป มันคือส่วนหนึ่งของสติปัญญาที่เรามีอยู่แล้ว"
- ต้นทุนของชีวิตก็คือทรัพยากรที่เรามี และสร้างมาได้ว่าเราจะจัดการมันอย่างไร
- ปัญหาของทุกคนที่ใช้ชีวิต มักจะเป็นปัญหาที่เราเพิกเฉยมันไปเลยจนลืมว่าเราควรทำชีวิตให้ดีด้วย
- ความเงียบคือเงียบฟัง ไม่ใช่ว่าให้เงียบและไม่สนใจสิ่งใด เราจึงต้องหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อกรอบขอบเขตที่เราคาดหวังไว้ด้วย
- ความสุขของวันนี้คือการที่เราทำงานหนัก เพราะเรารู้ว่ามันคือสิ่งสุดท้ายที่เราจะต้องทำมัน ไม่ใช่ว่าเราเลือกไม่ได้ แต่ต้องเลือกให้ดี
- สุขภาพที่ดีเป็นสิ่งที่ห้ามต่อรองโดยเด็ดขาด เราจึงต้องน้อมนำความจริงให้ได้ว่า เราคือคนที่ต้องรับผิดชอบร่างกายของเราเอง
-
หนังสือ The Bezos Blueprint: Communication Secrets of the World's Greatest Salesman ของ Carmine Gallo
- เมื่อการสนทนา ตกลงทำสัญญา รวมไปถึงการสื่อสารอาจจะเป็น 80% ของความสำเร็จในองค์กร
- การขายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเข้าใจว่าเรามีดีอะไร แล้วมันเป็นส่วน 20% ที่เหลือของความยั่งยืน
- ความสำเร็จของ Amazon.com เป็นเพียงแค่แง่งามหนึ่งของคนก่อตั้ง Jeff Bezos เพราะกระบวนการสร้างอยู่ที่คน
- ลองทำมันให้ง่าย สร้างเรื่องราวให้น่าติดตาม และพยายามรวบรัดให้สั้น แต่ได้ใจความนี่เป็นส่วนหนึ่งของการสื่อสาร
- ทักษะใดเล่าจะมีคุณค่าไปมากกว่าการทำให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง นั่นคือแสดงออกอย่างสิ่งที่เหมาะสมต่อบริบทที่เรายืนอยู่
-
Zijn er afleveringen die ontbreken?
-
มีคนมาปรึกษาว่า อยากปรึกษาหน่อยค่ะ คือทุกครั้งที่เรามีการไปเที่ยวต่างประเทศกับแฟน เราจะคิดในใจตลอดทุกครั้งว่า ถ้ากลับไทยไปคราวนี้จะเลิกแน่ ๆ ไม่ไหวแล้ว ไม่อยากทนอะไรแบบนี้ พอดีคนนี้คือแฟนคนแรก เราเลยไม่รู้ว่าจริง ๆ เราควรใจเย็นกว่านี้ ค่อย ๆ คิดหรือมันเป็นบทพิสูจน์คะ ว่าเราไปกันไม่ได้จริง ๆ คือเรื่องมันก็จะประมาณว่าเดินไปทางไหนพอแฟนเราเจอคนสวย ๆ ก็จะชมแบบลาว ๆ เสี่ยว ๆ ว่าสวยจังน้องสาวไปไหนจ๊ะ แล้วก็จะบอกให้เพื่อนมองตลอดทางว่าให้ดูคนนั้นสิคนนี้สิ เวลาพาเขาหลงทางขึ้นรถไฟผิดสถานีเขาก็โทษเราว่า เราไม่มีความสามารถ ไม่รู้เรื่อง เวลาเราอยากไปที่นั่นที่นี่ คือมันเป็นที่ขายขนมต่าง ๆ แต่เขาไม่รู้จัก เขาก็ตัดสินไปเลยว่ามันน่าเบื่อไม่น่าไปหรอก รูปภาพเขาก็ไม่สนใจเหมือนกัน เขาไม่เชื่อว่ามันจะดี โดยรวมก็จะประมาณนี้ทุกครั้งที่ไปเที่ยวเลยค่ะ จะจัดการกับความรู้สึกนี้ยังไงดีคะ
- ถ้าหากว่ามันเป็นปัญหาที่ใจให้แก้ที่ใจ แต่ถ้ามันเป็นปัญหาที่สภาพแวดล้อมให้แก้ที่ตรงนั้น
- อย่าลืมว่าการไปเที่ยวด้วยกันที่ต่างประเทศ หรือต่างจังหวัดเป็นจุดวัดใจที่สำคัญ หากว่าเราไม่เรียนรู้ที่จะยอมรับเราจะไม่มีความสุข
- ปัญหาของคนส่วนใหญ่ก็คือลืมมองไปว่า เราไม่สามารถจะไปเปลี่ยนใครได้นอกเสียจากเปลี่ยนแปลงตัวเอง
- การจะพิสูจน์ว่าคู่ของเราใช่หรือไม่อย่างไร พิสูจน์ได้ด้วยการลองไปเที่ยวด้วยกัน แล้วหลังจากไปเที่ยวเราทบทวนตัวเองบ้างไหม
- ทั้งนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จสำหรับความสัมพันธ์ บางครั้งเราก็อาจจะรู้จักคน ๆ นึงด้วยระยะเวลา หรือไม่ก็การไปเที่ยวต่างประเทศด้วยกันก็มี
-
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "คำคมของวันนี้ก็คือ มันไม่มีอะไรที่เราจะไปต่อต้านการซื้อและถือหุ้น แต่มันจะต้องย้ำเตือนตัวเองว่าให้ต่อต้านการซื้อและถือหุ้นที่มันไม่มีแนวโน้มที่จะขึ้นอีกต่อไป"
- เราถือหุ้นได้ แต่ไม่ใช่ว่าเราจะต้องถือหุ้นทั้งหมดที่เราเคยซื้อ
- หากว่าหุ้นที่เราซื้อและถือมันไม่มีโอกาส หรือแนวโน้มที่จะขึ้นน้อยมาก ให้ขายหุ้นนั้นทิ้งโดยไม่ต้องคิดมาก
- ตั้งกรอบเวลาให้ชัดเจนว่า หุ้นที่เราจะถือต้องการถือเท่าไหร่และนานแค่ไหน ไม่ใช่ว่าซื้อทุกตัวแล้วไม่ยอมขาย
- บางคนมีหุ้นในพอร์ตเกิน 10 ตัว แถมบางคนมีเป็น 100 ตัว ซึ่งเราจะไม่สามารถโฟกัสได้เลยว่าหุ้นแต่ละตัวนั้นมีประสิทธิภาพอย่างไร
- แนวโน้มเป็นตัวกำหนดว่าเราควรจะซื้อและถือ หรือขายมันทิ้งไป ไม่ใช่จำนวนขาดทุนอย่างเดียว เพราะจะต้องดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
-
หนังสือ กุญแจอ่านงบการเงิน ของ เอิญ สุริยะฉาย
- กุญแจที่ไขไปสู่อีกประตูของความสำเร็จ ก็คือการอ่านงบการเงินอย่างละเอียด
- ปัญหาของนักลงทุนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเข้าใจความแตกต่างระหว่างหนี้สินที่ดีกับหนี้สินที่เสีย
- เราจึงต้องสังเกตงบกระแสเงินสดให้บ่อยครั้ง จำนวนวันที่เราต้องชำระหนี้คืนกับเจ้าหนี้ก็สำคัญ
- ศึกษางบการเงินไปเรื่อย ๆ โลกของการเงินไม่มีวันจบสิ้น มันจะทำให้เรารู้สึกมหัศจรรย์ว่ามีอะไรแบบนี้ด้วย
- หนังสือของผู้เขียนอาจจะมีความคล้ายคลึงกันมาก แต่ยังไงแล้วอ่านซ้ำหลายรอบเป็นสิ่งที่จำเป็น
-
มีคนมาปรึกษาว่า อยากมาสอบถามค่ะว่าเราควรตัดสินใจเกี่ยวกับแฟนยังไงดี คือข้อดีของแฟนคือ เขาสามารถเลี้ยงตัวเองกับครอบครัวเขาได้ ไม่ต้องเป็นภาระให้เรา แถมเขายังพร้อมที่จะสร้างครอบครัวกับเราได้ แต่เขาชอบพูดจาไม่ให้เกียรติเราต่อหน้าคนอื่น เช่น คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เขาพูดเล่น แบบเวลาที่เราทำอะไรผิด ก็จะพูดประมาณว่า ทำแบบนี้ทำไม ไม่รู้เรื่องเลยเหมือนเราดูโง่มากเลย หรือบอกว่าเราอ้วนไม่สวยและชอบพูดว่าตัวเองเขามีกิ๊กนะ เคยมีบ้างอะไรแบบนี้ พอพูดเยอะเราก็โมโห แฟนเราเขาก็หัวเราะชอบใจ แต่เขาก็มีมุมดี เขาช่วยเหลือเราตอนเราลำบากดูแลเอาใจใส่ พาไปเที่ยวกินข้าว ภาพอนาคตเขามีเราอยู่ในนั้นด้วย แต่เรื่องเดียวก็คือคำพูด คือปากไม่ค่อยดี แล้วเราจะรับมือกับเขาได้จริงไหมคะ
- ถ้านิสัยส่วนตัวของเขาไม่ได้กระทบต่อความสัมพันธ์ แสดงว่าความสัมพันธ์อยู่ในเกณฑ์ดี
- แต่ถ้าเรารู้สึกว่าความสัมพันธ์ไม่สำคัญเท่ากับความรู้สึกที่มีให้กับแฟนของเรา มันจะปัดตกไปทันที
- บางทีชีวิตก็เหวี่ยงบททดสอบให้เราเรียนรู้ว่า การจะอยู่กินกันไปยันแต่งงานกันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
- ความถูกใจก็สู้ความถูกต้องไม่ได้ เขาถูกต้องกับใจเรารึเปล่า เรื่องเล็กน้อยมองข้ามไปได้ไหม
- การเอาใจเขามาใส่ใจเราจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ บางคนนิสัยดีจริง แต่ไม่เคยคิดจะเอาใจใส่เราเลย
-
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "5 กฎที่เราจะสร้างชีวิตให้เป็นนักเทรด 1. เอาเงินออกมาจากบัญชี และไม่ต้องสนใจผลลัพธ์ และไม่ต้องคำนึงถึงจุดที่สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง 2. เลือกท่ามาหนึ่งท่า เลือกฟังครูสอนเพียงหนึ่งเดียว ที่จะมาเป็นผู้นำทางให้กับเราว่าเขาได้ผ่านประสบการณ์ที่โชกโชนมาบ้างไม่มากก็น้อย 3. อย่าเพิ่งรีบตัดสินว่าทำได้หรือไม่ได้ ไม่ต้องสนใจนาฬิกาที่กำลังเดินไป ไม่ต้องกำหนดแรงต้านให้กับตัวเอง แล้วก็ให้เวลาตัวเองได้ทดลอง 4. ยอมรับทุกผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นใน ณ ตอนนี้ที่มันจะมาเป็นครูสอนที่ดี จงสนใจใคร่รู้เกี่ยวกับการสูญเสียหรือผิดพลาด แล้วมองเป็นบทเรียนที่ล้ำค่า และ 5. จงฝึกซ้อมตัวเองในการเทรดว่าเป็นความสำคัญมากที่สุดลำดับต้น ๆ ในทุกวัน"
- อย่าเพิ่งรีบที่จะประสบความสำเร็จจากการเป็นนักเทรดโดยเด็ดขาด
- หากว่าเรารีบ ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปในทิศทางที่ควรจะเป็นนั้นจะไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้เลย
- ใช้เวลา ใช้เวลา และใช้เวลา ทุกการเดินทางจำเป็นจะต้องใช้เวลา เพราะบางทีจุดเรียนรู้คือจุดเดือดที่สูงพอสมควร
- สนใจใคร่รู้ในเรื่องที่ควรสนใจ เช่น หน้าเทรด ระบบเทรด จิตวิทยาการเทรด และจำนวนเงินที่ลงไปในแต่ละครั้งที่เราเทรด
- เมื่อเรามีเป้าหมายชัด วันนี้ที่เราพอทำได้คือ ฝึกซ้อมในการเทรดให้มากที่สุด ใช้เงินจำนวนหนึ่งที่เราพอที่จะเสียได้ แต่ก็รู้สึกชัดถ้าเราเสียเงินไป
-
หนังสือ The Will to Change: Men, Masculinity, and Love ของ bell hooks
- ความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งผู้ชายสามารถทำได้ ไม่ใช่แค่เพศ แต่เป็นความเชื่อมั่น
- บางทีความเป็นชาย ไม่ว่าจะเป็นฮอร์โมนเพศชายสูงเกินไป มันก็อาจจะส่งผลต่อความเป็นพิษได้เช่นเดียวกัน
- หากว่าเราลองมองดูความเป็นเพศชาย เช่น พ่อ ปู่ ตา หรือบรรพบุรุษที่มีความเป็นชายสูง เขาก็มักจะส่งต่อความเจ็บปวดแฝงภายในมาตลอดเวลา
- ความเปราะบางของเพศชายนั้นยิ่งใหญ่กว่าเพศหญิง เหตุผลที่ผู้ชายหลายคนไม่ค่อยพูดคำว่าขอโทษ ไม่ใช่เพราะเขาไม่อยากพูด แต่เขาถูกสอนมาว่าห้ามอ่อนแอ
- มันจึงเป็นผลกระทบที่เป็นวงกว้างไปรุ่นสู่รุ่น ว่าเพศชายต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ในความเป็นจริง เพศทุกเพศก็มีความรู้สึกไม่แพ้กัน แต่การรับมือต่ออารมณ์นั้นต่างกัน
-
มีคนมาปรึกษาว่า ขอปรึกษาเรื่องความรักหน่อยค่ะ เราคบกับแฟนมาปีกว่าแล้ว อยู่ด้วยกันมาครึ่งปี แรก ๆ ทุกอย่างก็ดูดีไปหมด พอหลัง ๆ เริ่มทะเลาะกันทุกวัน มือถือก็เปลี่ยน ลบข้อมูลรูปภาพหมดเหมือนคนโสดคนนึง แถมแยกห้องกันนอน เราเข้าใกล้เขาไม่ได้เลย พอเข้าไปใกล้ก็หงุดหงิดขึ้นเสียงตะคอกใส่เรา เขาเอาแต่ด่าว่าเราว่าเราเป็นภาระตกงาน สมัครงานที่ไหนก็เงียบ เราทำอะไรก็ผิดไปหมด ส่วนตัวรักเขามากและยอมเงียบทุกอย่าง เราควรทำยังไงดีคะ
- ลองจับเข่าคุยกับแฟนเลยว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้เพราะว่าอะไร แล้วตั้งใจฟังทุกคำที่เขาพูดออกมา
- บางทีคู่รักส่วนใหญ่ไม่เคยที่จะ Deep Conversation กันจริง ๆ เหมือนแต่ละคนก็มีความคิดที่แตกต่างกันไป
- แฟนเราเขาอาจจะอยากเลิกมาก ๆ ก็ได้ ซึ่งเหตุผลนั้นเราอาจจะไม่ได้เข้าใจมันทั้งหมดในวันนี้ แต่วันหนึ่งเราย่อมเข้าใจได้แน่นอน
- ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตก็เหวี่ยงปัญหามาให้เรา แต่แน่นอนว่ามันก็ย่อมเหวี่ยงความเข้าใจมาได้ถ้าเรารู้จักตั้งคำถามให้ถูกทาง
- คนหมดใจก็จะมีอาการ เบื่อหน้า รำคาญเวลาได้ยินเสียง รวมไปถึงทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาไปเสียทุกอย่าง ให้เราแก้ที่ใจจะดีที่สุด
-
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สำหรับนักลงทุน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่เวลาราคามันย่อลงมาแล้วจะมองว่ามันคือโอกาสของการซื้อ ความผันผวนไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องเติมเงินใส่เข้าไปหรือว่าเริ่มอยากให้หุ้นมันขึ้น มันจะไม่ใช่สิ่งที่ดีเลยที่จะบอกว่าการที่ราคาร่วง 50%-90% คือโอกาสในการซื้อ แต่ความเป็นจริงเราจะต้องจัดการความเสี่ยงเพื่อที่จะเลี่ยงให้หุ้นร่วง รักษามูลค่าของสินทรัพย์ และให้ดูว่ามันจะสามารถสร้างกำไรทบต้นได้หรือไม่ คำตอบก็คือความผันผวนเป็นสิ่งที่อันตราย จงเคารพและเลี่ยงได้ยิ่งดี"
- หากว่าเราต้องการจะซื้อหุ้นที่ย่อจริง ๆ เราก็ต้องดูกราฟทางเทคนิคให้ดี ๆ เพื่อป้องกันการขาดทุน
- สิ่งที่เรารับรู้ กับสิ่งที่มันเป็นไปอาจจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ปัญหาก็คือต้องสังเกตว่าเรารับรู้ตรงกับความจริงไหม
- ไม่ใช่เราจะไปนั่งบอกว่า ทุกการลงของราคาหุ้นมันจะจบลงที่ใจเราคิด เพราะเราไม่มีทางรู้จนกว่ากราฟจะสร้างแนวรับที่ชัดเจน
- จุดตัดขาดทุนจะเป็นตัวเน้นย้ำว่า เราพลาดไปแล้ว อย่ามัวแต่มองเงินจนลืมอนาคตที่เราสามารถสร้างได้อย่างเด็ดขาด
- นักลงทุนไม่ใช่ง่ายที่จะเป็นอาชีพนี้ เพราะมันไม่มีใครมาบอกให้เราทำ เราทำงานนี้ด้วยเหตุผลใดก็ตามขอให้ตั้งใจทำ
-
หนังสือ Wealth Exposed: This Short Argument I Overheard Made Me A Fortune... Can It Do The Same For You? ของ M.J. DeMarco
- การสนทนาที่มีมูลค่าแบบประเมินค่ามิได้เป็นอย่างไร นั่นคือการสนทนาที่มาจากการตกตะกอน
- อย่าหยุดที่จะเรียนรู้ สังเกตทุกสรรพสิ่งให้ได้แล้วเราจะเข้าใจว่าทุกเรื่องในชีวิตสามารถพัฒนาไปได้
- ถ้าเราอยากจะกินเค้กชิ้นใหญ่ เราก็ต้องสร้างแป้งให้มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่ไม่ลงทุนลงแรงอะไรเลย
- มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่ใคร่รู้กับบางสิ่งบางอย่างมาก ๆ การที่เราจะร่ำรวยได้ก็จำเป็นจะต้องสร้างผลกระทบด้านบวกให้มาก
- งานประจำเป็นงานที่มั่นคง แต่ไม่ใช่งานที่จะสามารถสร้างอิสรภาพทางการเงินได้ รวมไปถึงเราต้องเข้าใจว่าทิศทางสำคัญกว่าความเร็วเสมอ
-
มีคนมาปรึกษาว่า ขอคำปรึกษาได้ไหมคะ พอดีว่าหนูรู้สึกเหมือนว่าเข้าข่ายจะเป็นโรคซึมเศร้า ตั้งแต่เลิกกับแฟนที่คบกันได้ 3 ปีมาแล้ว หนูควรไปพบจิตแพทย์ดีไหมคะ อาการก็ประมาณว่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไปข้างนอกก็มีร่าเริงบ้าง พอกลับมาห้องก็เอาแต่ร้องไห้ มันพอจะมีวิธีเยียวยาจิตใจยังไงได้บ้างคะ
- ถ้าอยู่ในช่วงระยะทำใจก็อาจจะเป็นเรื่องที่ปกติสามัญ ที่เราจะรู้สึกเสียอกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านมา
- การจะไปพบจิตแพทย์ก็ขอให้ความรู้สึกของเรามันกระทบกับชีวิตเราจริง ๆ รวมไปถึงเปิดใจรับฟังทุกเรื่องก่อนอย่างแรก
- หากว่าอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับยาวนานเกิน 1 เดือนหลังจากที่เรารู้สึกซึมเศร้า ก็สามารถปรึกษาแพทย์ได้เลย
- วิธีเยียวยาจิตใจได้ก็จะขึ้นอยู่กับนิสัยเรา แต่ตามหลักก็คือ ออกกำลังกาย ฟังธรรม และหาหนังสือจิตวิทยามานั่งอ่านบ้าง
- ยังไงแล้วก็ลองหาเพื่อน ครอบครัวมารับฟังหรือเราลองไปปรึกษาคนที่ปรึกษาได้ดูก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องกังวลเกินไป หายใจเข้าลึก ๆ เผื่ออาการจะทุเลาลง
-
ข้อความโพสต์จาก Ray Dalio ได้เขียนข้อความไว้ว่า "สิ่งหนึ่งที่ต้องเน้นย้ำถึงปัญหา นั่นก็คือความแม่นยำของการวินิจฉัย และประสิทธิผลของผลลัพธ์นั้นดีอย่างไร เราควรที่จะมีแผ่นกรองเพื่อทดสอบว่าปัญหาที่เราแก้นั้นมันเป็น 1. เขาสามารถระบุถึงปัญหาที่แก้ได้ด้วยวิถีทางใด และ 2. เขามีการแก้ไขปัญหาที่ประสบความสำเร็จอย่างไรบ้างในอดีต"
- ในความหมายที่ว่าผู้คนที่ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะรู้ว่าคุณควรทำอะไร
- ปัญหาใหญ่ที่สุดของชีวิตก็คือ เราไม่รู้ว่าสิ่งที่เราคิดมันเป็นอย่างไร แล้วอะไรกันแน่ที่ควรคิด
- แผ่นกรองคือตัววัดผลว่าเราควรจะต้องคิด พูด หรือกระทำอย่างไร ในสิ่งที่ชีวิตนั้นบอกให้เราทำ
- สังเกตผู้คนที่เราจะเชื่อมั่นในตัวเขาว่า เขามีท่าทีอย่างไรต่อปัญหาและ ปัญหาที่เขาได้ทำมาเป็นอย่างไรบ้าง
- ความสำเร็จในอดีตอาจจะไม่ใช่ตัวชี้วัดที่ดีของอนาคต แต่พอนำมาเป็นแง่มุมได้ว่า เขาใช้หลักการใดในการตัดสินใจ
-
หนังสือ Mastering the Market Cycle: Getting the Odds on Your Side ของ Howard Marks
- สินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมของ Oaktree ทั้งหมด อยู่ที่ 193 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว ๆ 6 ล้านล้านบาท
- การจะรู้ว่าเราควรจะลงทุนในสินทรัพย์ใด ณ ช่วงเวลาใด จะขึ้นอยู่กับความรู้ บวกกับผลตอบแทนเฉลี่ยนับตั้งแต่ต้นปี (YTD)
- ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเดิม แต่จะไม่ได้เหมือนเดิมแบบครบถ้วนสมบูรณ์ มันจึงมีจุดแตกหักของการเข้าไปลงทุนของรายย่อยได้เสมอ
- กองทุนของเอกชน และกองทุนของรัฐบาล ล้วนมีสิ่งที่คล้ายคลึงกันนั่นก็คือ เขาจะไม่ยอมขาดทุนโดยเด็ดขาด แล้วถ้าเกิดการขาดทุนรายย่อยจะเจ็บหนักสุด
- ระยะเวลาของวัฏจักรตลาด คือ 1. เริ่มมองโลกในแง่ดี 2.ตื่นตัว นี่คือจุดสูงสุดของอารมณ์ หลังจากนั้น 3.เริ่มผิดคาด 4.เริ่มมองโลกในแง่ร้าย 5.ยอมแพ้ นี่คือจุดต่ำสุดของอารมณ์ และ 6.เริ่มฟื้นตัวต่อไป
-
มีคนมาปรึกษาว่า รบกวนขอแนวทางแก้ไขปัญหาหน่อยค่ะ เราย้ายมาอยู่บ้านแฟน ที่บ้านแฟนจะมีย่าซึ่งอายุมากแล้ว พร้อมกับพี่สาวเขาและก็แฟนพี่สาวเขา เมื่อไม่นานมานี้พี่สาวกับแฟนเขาก็ทะเลาะกันจนเลิกกันไป แล้วก็ย้ายออกจากบ้านนี้ไปเลย แล้วพี่สาวเป็นแม่บ้าน ทำงานบ้านอยู่คนเดียว มีลูก 2 คน ตอนที่แฟนพี่สาวเขามาขนของเขาก็เอาลูกคนโตไปด้วยค่ะ เหลือลูกคนเล็กไว้ พี่สาวก็เลยไปสมัครงานชั่วคราวที่ห้างใกล้ ๆ บ้าน ปัญหาคือเจ้าตัวคนเล็กไม่มีคนเลี้ยง เขาชอบเอามาฝากไว้ที่ห้องเรา แล้วหนีไปทำงานแบบไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ซึ่งเราก็ทำงานที่บ้านมานานแล้ว แต่ก็มีไปที่ทำงานบ้างเหมือนพนักงานทั่วไป แล้วตอนเวลาที่เขาเอาลูกคนเล็กมา เราก็จะไม่มีเวลาทำงานเลยค่ะ เหมือนเขายังเป็นเด็กเล็ก เล่นอะไรไม่นานก็ร้องไห้ ร้องไห้เสร็จก็ต้องพาเดิน บางทีเราก็โดนหัวหน้าดุด่าด้วยว่าทำไมส่งงานช้า ส่วนแฟนเราเขาก็ทำงานโรงงานอยู่แล้วดูหลานไม่ได้ พร้อมกับย่าก็แก่ด้วยดูไม่ไหว เราก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี มาเป็นสะใภ้เขาแบบมันก็พูดยากค่ะ จะหาทางออกกับเรื่องนี้ยังไงได้บ้างคะ
- ลองแบ่งเวลามาดู ฝึกเรื่องนี้ให้เยอะขึ้น แล้วก็รู้จักหลานเราให้ดีว่าเขานิสัยอย่างไร
- การทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่การเลี้ยงหลานก็อาจจะสำคัญกว่าก็ได้ มันจึงการฝึกทักษะในการบริหารเวลา
- แน่นอนว่าแม่ของเด็กก็ควรที่จะรับผิดชอบเป็นหลัก แต่เขาฝากเอาไว้ให้ดูแลแบบนี้มันก็ต้องไม่มีทางเลือก โฟกัสสิ่งที่ควรโฟกัสให้ดีที่สุด
- ปัญหาใหญ่คือเรื่องของเวลา คนส่วนใหญ่มีภาระรับผิดชอบมากกว่าเวลาที่ตัวเองมี งานก็มี เงินก็อาจจะไม่ค่อยมี แถมทำงานก็ต้องทำเป็นต้น
- ทั้งนี้ อย่าลืมฝึกฝนทักษะการจัดการเวลา เวลาเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลก มองตรงนี้ให้ออกแล้วเราจะรักษาได้ทุกสิ่งที่เราปรารถนา
-
ข้อความโพสต์จาก Mark Minervini ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ทุกครั้งที่คุณกำลังโทษสิ่งนอกตัวคุณ คุณกำลังอยู่ในภาวะที่ขาดการพึ่งพาตนเอง ตลาดหุ้นไม่ได้เป็นคนที่ควบคุมทุกอย่าง มันไม่มีคนที่สมรู้ร่วมคิดที่จะมากำจัด 'คนตัวเล็ก ๆ' แล้วมันก็ใช่ คุณสามารถเอาชนะตลาดหุ้นได้และมันจะเกินกว่าที่คุณวาดฝันเอาไว้อีก แต่ก่อนอื่นอย่างแรก คุณต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเอง 100% ถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น คุณต้องรู้ชัดว่าบริบทที่เผชิญอยู่เป็นเพียงประสบการณ์หนึ่งเท่านั้น คุณสามารถควบคุมสิ่งที่ควบคุมได้ คุณจำเป็นต้องรับรู้ในตอนนี้เลยว่า ฉันมันห่วยแตก จนกระทั่งตระหนักรู้ให้ได้ว่าเราไม่ได้เรื่องจริง ๆ หลังจากนั้นมันจะทำให้คุณหาเหตุผลต่าง ๆ นานาที่จะทำให้ภาพลักษณ์ดูดีอยู่ แต่มันคงไม่ช่วยคุณหยุดคำตำหนิใด ๆ ได้ และคุณจะไม่สามารถยกระดับทักษะ เพียงเพราะคุณได้ละทิ้งอำนาจอันชอบธรรมที่คุณมีไปหมดสิ้นแล้ว ตัวเลือกที่จะยอมรับว่า โอเคฉันต้องปรับปรุงให้ดีขึ้นมากกว่านี้ ซึ่งผมได้เทรดมาห่วยแตกร่วม 6 ปี และมันก็ส่งผลต่อความอ่อนแอในจิตใจ จนมันทำให้จิตใจแข็งแกร่งขึ้น แน่นอนว่าคุณก็สามารถเป็นแบบผมได้เหมือนกัน มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นใหม่ว่าชีวิตจะต้องไม่มีข้ออ้างใด ๆ เลย"
- ปัญหาใหญ่ที่สุดของการรับรู้ว่าเราต้องควรปรับปรุง คือการยอมรับตัวเองว่าพัฒนาได้หรือไม่ได้
- ไม่ใช่ทุกคนจะพัฒนาตนเองได้ แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนจะยอมรับความพ่ายแพ้ได้ ชีวิตมาสอนเราคนละแบบกัน
- การเทรดแบบห่วยแตกมันอยู่ที่เราจะตระหนักมันได้รวดเร็วแค่ไหน เพราะไม่ใช่แค่การเทรดแต่มันรวมถึงทุกสิ่ง
- รับรู้ภาพที่มันเป็นไปให้ได้ไวที่สุด อย่าเนิ่นช้านานเกินไปเพราะมันจะเสียเวลาโดยใช่เหตุ
- ตลาดหุ้นไม่ได้เป็นบ่อนการพนัน แต่มันคือภาพสะท้อนของตัวเราเองไม่ว่าเรื่อง ความโลภ ความโกรธหรือความหลงนั่นเอง
-
หนังสือ Drama Free: A Guide to Managing Unhealthy Family Relationships ของ Nedra Glover Tawwab
- ชีวิตที่ปราศจากความดราม่าก็คือ การปล่อยวางในเวลาที่เหมาะสม และยอมรับมันในที่สุด
- ขอบเขตของความรู้สึกเป็นเรื่องปัจเจกชน ซึ่งเราก็จะต้องสังเกตว่าตัวเราเองนี้ รับและปล่อยได้มากน้อยแค่ไหน
- เมื่อมีคนบอกว่าเราทำไม่ได้ในเรื่อง ๆ หนึ่ง หน้าที่เราคือสอบทานตัวเองว่า เราทำเรื่องนี้ไม่ได้จริงไหม แล้วเพราะอะไรถึงทำไม่ได้
- เรียนรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบข้าง บางครั้งเราจะไม่ได้มีคนมาแนะนำสั่งสอนเราโดยตรง เราก็จึงต้องมีทักษะในการเก็บเกี่ยวสาระสำคัญ
- การไม่เป็นตัวเองก็คือการไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แถมการแสร้งทำเป็นคนอื่นยิ่งจะทำให้ตัวตนของเราถูกทำลายไปกว่าเดิม
-
มีคนมาปรึกษาว่า อยากถามความเห็นหน่อยค่ะ คือเมื่อวานเป็นวันเกิดเรา แม่ก็พาไปกินข้าวแล้วเราก็กลับบ้าน เราบอกแม่ว่าขอกลับไปกับแฟนนะ แล้วทีนี้แฟนเราก็สั่งเค้กมาเซอร์ไพรส์เรา เสร็จเราก็กลับบ้านตามปกติ แม่พอเห็นเค้กที่แฟนเอามาให้เราก็เหมือนว่าไม่ค่อยพอใจ ดึงหน้า แล้วก็หลบหน้าเราไป เรารู้สึกโกรธแม่นะคะที่เหมือนแม่ไม่พอใจที่แฟนเอาเค้กมาให้เราก่อนที่แม่เราจะเอามาให้ แล้วก่อนหน้านี้แม่เรามีอาการประมาณนี้บ่อยมาก ที่เวลาแฟนทำไรให้เรา เขาก็จะดูไม่พอใจ เพราะแฟนก็ดูรักเรามาก เราก็เลยเดินไปถามแม่ว่า หนูผิดขนาดนั้นเลยเหรอกับการที่แฟนเอาเค้กมาให้หนูในวันเกิด หนูไม่สามารถมีคนรักได้เลยใช่ไหม เราก็เดินมานั่งในห้อง น้องสาวเราก็เห็นท่าทีไม่ค่อยดี เลยเข้าไปอธิบายให้แม่ฟังว่า เขาแค่เอาเค้กมาให้เป่าเทียนเองจะอะไรมากมาย แล้วแม่ก็ถือเค้กมาง้อเรา แต่แม่ก็เหมือนพูดน้ำเสียงแบบประชดประชันอีกเหมือนเดิม เขาชอบเอาตัวเองเป็นที่ตั้ง จนเรากับน้องสาวก็ไม่รู้จะให้แม่เข้าใจได้ยังไง แล้วเริ่มที่จะยอมรับตัวเองสักที คือแม่เราเขาต่อให้ผิด ก็ไม่ยอมขอโทษค่ะ จะปรับใจยังไงดีกับเรื่องนี้ดีคะ
- คนเรามีความรู้สึก แน่นอนว่าความน้อยใจเป็นสิ่งที่น่ากลัว ถ้าเราแสดงออกผิดที่ผิดเวลา
- บางคนก็ลืมตัวเองไปว่า คำว่าพ่อแม่อาจจะทำได้แค่เป็นห่วง แต่ถ้าเริ่มหวง และดึงดันที่จะไม่ยอมปล่อยลูกไปนั่นจะเป็นปัญหา
- หัวอกคนที่เลี้ยงดูเรามา ก็อาจจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่า ลูกเห็นแฟนดีกว่าแม่ ซึ่งต้องใช้เวลาปรับตัวกันทุกคน
- หวงมากก็ทุกข์มาก หวงน้อยก็ทุกข์น้อย บางทีอย่างที่พระท่านว่าไม่มีอะไรเป็นของเราจริง ๆ ทุกสิ่งอย่างเป็นของไม่เที่ยงแท้ถาวร
- ในฐานะลูกก็อาจจะต้องเข้าใจพ่อแม่ด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะคิดว่าต้องให้แม่เข้าใจอย่างเดียว แต่ถ้าเราคิดว่าสมควรแก่เวลาก็บอกแม่ไปตามตรงอย่างนั้นเลย
-
ข้อความโพสต์จาก James Clear ได้เขียนข้อความไว้ว่า "ฉันเพิ่งได้พบเจอกล่องที่เต็มไปด้วยข้อความที่ได้บันทึกเอาไว้ ฉันเขียนถึงตัวเองในอดีตว่า 1. รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และ 2. ไปยังทิศทางนั้นอย่างไม่หยุดยั้ง"
- ปัญหาใหญ่ของการค้นพบกล่องที่มีข้อความที่เขียนเอาไว้ในอดีตนั่นคือ เรามีนิสัยอย่างไรจริง ๆ กันแน่
- เมื่อเราเขียนข้อความบางอย่างเอาไว้ อย่าลืมว่าเราเคยผ่านอะไรมา แล้วมันสอนอะไรเราบ้าง เอามาเป็นแง่มุมหนึ่งในชีวิตได้
- หากการค้นพบตัวเองได้อุบัติขึ้น หลังจากนั้นเราจงทุ่มสรรพกำลังลงไปยังทิศทางนั้น โดยไม่ต้องสนใจว่ามันจะเป็นอย่างไร
- น้อยคนมากที่จะรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง แล้วนั่นจึงเป็นจุดเหลื่อมล้ำมากที่สุดในสังคม เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักตัวเองเลย
- ความเสี่ยงของชีวิตไม่ใช่การทุ่มเทไปยังจุดใดจุดหนึ่ง แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ผลลัพธ์กันจริง ๆ ว่ามันจะออกมาเป็นรูปแบบไหน
-
หนังสือ How The Mighty Fall: And Why Some Companies Never Give In ของ Jim Collins
- ปัญหาของบริษัทที่ต้องล้มหายตายจาก สาเหตุหลัก ๆ นั้นเกิดจากอะไรแล้วเลี่ยงได้ไหม
- เมื่อเราร่วงลงเราจงยอมรับยืนหยัด แล้วก็ต่อสู้ต่อไปให้ได้ สิ่งนี้ย่อมเป็นแง่มุมของการดำเนินชีวิตต่อไป
- 5 ระยะของการถดถอย ก็คือ 1. ความสำเร็จอันโอหัง 2. ขาดการตระหนักถึงคำว่ามาก 3. หลีกเว้นความเสี่ยงและภัยอันตราย 4. การหาทางรอด และ 5. การจำนนที่ไม่ปรารถนาหรือความตาย
- คนที่ถูกต้องย่อมเป็นกุญแจสำคัญขององค์กรที่ปรารถนาอย่างยิ่ง ที่จะทำให้มันรอดพ้นต่อไปได้อย่างยาวนาน
- ปัญหาของบริษัทส่วนใหญ่ ก็คือไม่เข้าใจคำว่าการยอมรับกับยอมแพ้นั้นแตกต่างกัน ลองจัดการกับความพ่ายแพ้อย่างไรให้มีชัยชนะ
- Laat meer zien