Afleveringen
-
“ด้วยว่าเขายังไม่ได้เข้าใจข้อพระคัมภีร์ที่เขียนไว้แล้วว่า พระองค์ต้องเป็นขึ้นมาจากความตาย.
พระเยซูตรัสแก่มาเรียว่า, “อย่ายึดหน่วงเราไว้ เพราะเรายังไม่ได้ขึ้นไปหาพระบิดาของเรา แต่จงไปหาพี่น้องของเรา บอกเขาว่า เราจะขึ้นไปหาพระบิดาของเราและพระบิดาของท่านทั้งหลาย, และจะไปหาพระเจ้าของเราและพระเจ้าของท่านทั้งหลาย.” มาเรียมัฆดาลาจึงไปบอกเหล่าสาวกว่า, “ข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์แล้ว,” และพระองค์ได้ตรัสคำอย่างนั้นแก่เขา.
พระองค์ตรัสเช่นนั้นแล้วทรงระบายลมหายใจออก ตรัสแก่เขาว่า, “ท่านทั้งหลายจงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์เถิด.
พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “โธมาเอ๋ย, เพราะท่านได้เห็นเราท่านจึงเชื่อ ผู้ที่มิได้เห็นเรา แต่ได้เชื่อ ก็เป็นสุข”
แล้วมีนิมิตต์อื่นหลายประการที่พระเยซูทรงกระทำต่อหน้าเหล่าสาวกของพระองค์, ที่มิได้จดไว้ในหนังสือเล่มนี้ แต่ได้จดเหตุการณ์เหล่านี้ไว้เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เชื่อว่า พระเยซูเป็นพระคริสต์บุตรของพระเจ้า. และเมื่อมีความเชื่อแล้ว ท่านจะได้ชีวิตโดยพระนามของพระองค์”
โยฮัน 20:9, 17-18, 22, 29-31 TH1940 -
“…ขอทรงโปรดให้พวกข้าพเจ้ากลับคืนดีอีกเถิด.”
“ขอทรงโปรดให้ช่องที่แยกนั้นกลับคืนดีอีก: ด้วยแผ่นดินยังสะเทือนหวั่นไหวอยู่.“
”พระองค์ทรงประทานธงแล้วแก่พวกที่เกรงกลัวพระองค์, สำหรับชักขึ้นเพราะเห็นแก่ความสัตย์จริง.”
“ขอทรงสดับ, และช่วยข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์เบื้องขวาของพระองค์, เพื่อพวกที่รักของพระองค์จะได้ความรอด.”
“ขอทรงโปรดช่วยพวกข้าพเจ้าต่อสู้พวกศัตรู เพราะไร้ผลที่จะให้มนุษย์ช่วย. โดยพึ่งในพระเจ้าพวกข้าพเจ้าจะต่อสู้อย่างแข็งแรง; และพระองค์เองที่จะทรงเหยียบย่ำศัตรูของพวกข้าพเจ้าลง”
บทเพลงสรรเสริญ 60:1-2, 4-5, 11-12 TH1940 -
Zijn er afleveringen die ontbreken?
-
“เหตุฉะนั้นเขาจึงปรึกษากันว่า, “เราอย่าฉีกปันกันเลย, แต่จงจับสลากกันจะได้รู้ว่าจะเป็นของผู้ใด.” เพื่อพระคัมภีร์ซึ่งเขียนไว้แล้วจะสำเร็จที่ว่า, เขาเอาเสื้อผ้าของเราแบ่งปันกัน, และเสื้อของเราเขาจับสลากกัน.
ภายหลังนั้นพระเยซูทรงทราบว่าสิ่งทั้งปวงสำเร็จแล้ว, เพื่อพระคัมภร์ที่เขียนไว้นั้นจะสำเร็จ, พระองค์จึงตรัสว่า, “เรากระหายน้ำ.”
เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นเพื่อข้อพระคัมภร์จะสำเร็จ ซึ่งว่า, พระอัฏฐิ (กระดูก) ของพระองค์สักอันหนึ่งเขาจะไม่ทำให้หักเลย. และมีข้อในพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่งว่า, เขาจะมองดูพระองค์ที่เขาได้แทง”
โยฮัน 19:24, 28, 36-37 TH1940 -
”ข้าแต่พระเจ้าของข้าพเจ้า, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้าพ้นจากพวกศัตรูของข้าพเจ้า, และขอทรงตั้งข้าพเจ้าไว้ในที่สูง ให้พ้นเขาทั้งปวงที่ลุกขึ้นต่อสู้ข้าพเจ้า. “
“เพราะพลานุภาพของพระองค์ ข้าพเจ้าจึงจะคอยท่าเฝ้าพระองค์ เพราะพระองค์เป็นป้อมอันสูงของข้าพเจ้า. พระเจ้าของข้าพเจ้าจะเสด็จมาพบข้าพเจ้าด้วยพระกรุณาคุณ: พระองค์จะทรงโปรดให้พวกศัตรูเป็นไปตามความปรารถนาของข้าพเจ้า.”
“ฝ่ายข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญฤทธิ์เดชของพระองค์; เป็นแน่, พอเวลารุ่งเช้า ข้าพเจ้าจะเปล่งเสียงร้องสรรเสริญพระกรุณาคุณของพระองค์: เพราะพระองค์เป็นป้อมอันสูงของข้าพเจ้า. เป็นที่พึ่งพำนักในเวลาทุกข์ยากของข้าพเจ้า. ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นกำลังของข้าพเจ้าๆ จะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์: เพราะพระเจ้าเป็นป้อมสูงของข้าพเจ้าและเป็นพระเจ้าประกอบไปด้วยพระกรุณาต่อข้าพเจ้า”
บทเพลงสรรเสริญ 59: 1, 9-10, 16-17 -
“ฝ่ายมหาปุโรหิตจึงถามพระเยซูถึงเหล่าสาวกของพระองค์ และถึงคำสอนของพระองค์. พระเยซูจึงตรัสตอบท่านว่า. “เราได้กล่าวให้โลกฟังโดยเปิดเผย เราได้สั่งสอนในธรรมศาลาและในวิหารที่พวกยูดายชุมนุมกันอยู่ทุกครั้งเสมอ และเราหาได้สอนสิ่งใดในที่ลับไม่ ท่านถามเราทำไม? จงถามผู้ที่ได้ฟังเราว่า เราได้สั่งสอนเขาอย่างไร นี่แน่ะ ซึ่งเราได้กล่าวนั้นเขาก็รู้.”
ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า. “ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นกษัตริย์หรือ” พระเยซูตรัสตอบว่า. “ท่านว่าถูกแล้วว่าเราเป็นกษัตริย์. เพราะเหตุนี้เราจึงบังเกิดมาและเข้ามาในโลกเพื่อเราจะเป็นพะยานถึงความจริง. คนทั้งปวงซึ่งอยู่ฝ่ายความจริงย่อมฟังเสียงของเรา.” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า. “ความจริงคืออะไรเล่า?” ครั้นถามอย่างนั้นแล้วท่านจึงออกไปหาพวกยูดายอีก บอกเขาว่า, “เราไม่เห็นคนนั้นมีความผิด.”
โยฮัน 18:19-21, 37-38 -
“เพื่อคนทั้งหลายจะพูดออกได้ว่า, จริงๆ นา, คนชอบธรรมย่อมได้บำเหน็จ: จริงๆ นะ, มีพระเจ้าผู้ทรงพิพากษาแผ่นดินโลก”
บทเพลงสรรเสริญ 58:11 TH1940 -
“เมื่อพระเยซูได้ตรัสคำเหล่านั้นแล้ว พระองค์จึงแหงนพระเนตรดูฟ้าตรัสว่า,
“พระบิดาเจ้าข้า, เวลาก็มาถึงแล้ว ขอโปรดให้พระบุตรของพระองค์มีเกียรติยศ. เพื่อพระบุตรจะถวายเกียรติยศแก่พระองค์. เหมือนพระองค์ได้ทรงประทานให้พระบุตรมีอำนาจเหนือเนื้อหนัง (มนุษย์) ทั้งสิ้น, เพื่อพระบุตรจะให้ชีวิตนิรันดร์แก่บรรดาคนที่พระองค์ทรงประทานแก่พระบุตรนั้น.
นี่แหละเป็นชีวิตนิรันดร์, คือว่าให้เขารู้จักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียว, และรู้จักผู้ที่พระองค์ทรงใช้มาคือพระเยซูคริสต์.
ข้าพเจ้าได้ถวายเกียรติยศแก่พระองค์ในโลก, เพราะข้าพเจ้าได้กระทำการซึ่งพระองค์ทรงประทานให้ข้าพเจ้ากระทำนั้นสำเร็จแล้ว. เดี๋ยวนี้, พระบิดาเจ้าข้า, ขอโปรดให้ข้าพเจ้ามีเกียรติยศจำเพาะพระพักตร (ด้วยกันกับ)พระองค์, คือเกียรติยศซึ่งข้าพเจ้าได้มีกับพระองค์ในกาลก่อนเมื่อโลกนี้ยังไม่มี”
โยฮัน 17:1-5 -
“ขอทรงพระเมตตาแก่ข้าพเจ้า, โอ้ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงพระเมตตาแก่ข้าพเจ้า; เพราะจิตของข้าพเจ้าพึ่งพำนัก (วางใจ) ในพระองค์: ข้าพเจ้าจะอาศัยใต้ร่มปีกของพระองค์, กว่าภัยอันตรายเหล่านี้จะล่วงพ้นไป. เขาเหล่านั้นได้เตรียมบ่วงแร้วไว้สำหรับย่างเท้าข้าพเจ้า; จิตของข้าพเจ้าฝ่อลง; เขาได้ขุดบ่อไว้ตรงหน้าข้าพเจ้า; แต่เขาเองได้ตกบ่อนั้น. จิตใจของข้าพเจ้าตั้งมั่นคงอยู่, แน่นอน, ข้าพเจ้าจะถวายเพลงสรรเสริญ; จิต (เกียรติ) ของข้าพเจ้าเอ๋ย, จงตื่นเถิด, ปี่และพิณเอ๋ย, จงตื่นเถิด, ตัวข้าพเจ้าเองก็จะตื่นแต่เช้าตรู่, ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า, ข้าพเจ้าจะขอบพระเดชพระคุณของพระองค์ท่ามกลางชาวประเทศต่างๆ; ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชนประเทศต่างๆ. เพราะพระกรุณาคุณของพระองค์ มากเทียมสวรรค์, และความสัตย์จริงของพระองค์ เทียมท้องฟ้า. ข้าแต่พระเจ้า, ขอให้พระองค์เป็นที่ยกย่องสูงขึ้นไปเหนือฟ้าสวรรค์; ให้พระรัศมีของพระองค์ส่องทั่วไปเหนือแผ่นดินโลก”
บทเพลงสรรเสริญ 57:1, 6-11 -
“เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลาย คือการที่เราจะไปนั้น จะเป็นประโยชน์แก่ท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป, พระองค์ผู้ช่วยนั้น (Comforter) จะมิได้มาหาท่าน แต่ถ้าเราไป เราจะไช้พระองค์นั้นมาหาท่าน เมื่อพระองค์นั้นมาแล้ว, พระองค์จะบันดาลให้โลกรู้สึกถึงความผิด, ถึงความชอบธรรม, และถึงความพิพากษา. ความผิดนั้น เพราะเขาไม่วางใจในเรา, ความชอบธรรมนั้น เพราะเราไปหาพระบิดาของเรา และท่านทั้งหลายจะไม่เห็นเราอีก, ความพิพากษานั้น เพราะผู้ครองโลกนี้ (ซาตาน) ถูกพิพากษาแล้ว. แต่เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริง (reality) มาแล้ว, พระองค์จะนำท่านทั้งหลายไปสู่ความจริง (reality) ทุกอย่าง เพราะพระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่พระองค์ได้ยินสิ่งใด จะตรัสสิ่งนั้น, และจะแจ้งให้ท่านทั้งหลายรู้สิ่งเหล่านั้นซึ่งจะเกิดขึ้น. สารพัตรทั้งสิ้นที่พระบิดามีอยู่ เป็นของเรา เหตุฉะนั้นเราจึงกล่าวว่า, พระวิญญาณจะทรงรับสิ่งซึ่งเป็นของเรา สำแดงแก่ท่านทั้งหลาย.
ฉันใดก็ดี เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายมีความทุกข์, แต่เราจะเห็นท่านอีก, และใจของท่านจะชื่นชม และความยินดีของท่านนั้น ไม่มีผู้ใดจะเอาไปจากท่าน. ในวันนั้นท่านจะไม่ถามเราถึงข้อใดอีก. เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ถ้าท่านทั้งหลายจะขอสิ่งใดจากพระบิดา, พระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา แต่ก่อนท่านไม่เคยได้ขอสิ่งใดในนามของเรา จงขอ และจะได้. เพื่อความยินดีของท่านจะได้บริบูรณ์.”
สิ่งเหล่านั้นเราได้บอกท่านทั้งหลาย, เพื่อท่านจะมีความสุขโดยเรา. ในโลกนี้ท่านทั้งหลายมีความทุกข์ยาก แต่จงยินดีเถิด เราชนะโลกแล้ว.””
โยฮัน 16:7-11, 13, 15, 22-24, 33 -
“วันใดที่ข้าพเจ้าตกใจกลัว, วันนั้นข้าพเจ้าจะวางใจในพระองค์. ในพระเจ้า-ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระวจนะของพระองค์-ข้าพเจ้าจะวางใจในพระเจ้า, ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นกลัว เนื้อหนังจะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า? ในวันที่ข้าพเจ้าร้องทูลพระองค์ วันนั้นพวกศัตรูของข้าพเจ้าจะต้องหันหลังหนีไป: พระเจ้าทรงดำรงอยู่กับข้าพเจ้า, ข้อนี้ข้าพเจ้ารู้แน่. ในพระเจ้า-ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระวจนะของพระองค์-ในพระยะโฮวา-ข้าพเจ้าจะสรรเสริญพระวจนะของพระองค์, ข้าพเจ้าได้วางใจในพระเจ้าแล้ว, ข้าพเจ้าจะไม่หวั่นกลัว; มนุษย์จะทำอะไรแก่ข้าพเจ้าได้เล่า? ข้าแต่พระเจ้า, คำบนตัวที่ปฏิญาณไว้แก่พระองค์, ข้าพเจ้าจะทำตามที่ได้ปฏิญาณไว้ ข้าพเจ้าจะสนอง (ถวายเครื่องบูชาขอบ) พระเดชพระคุณของพระองค์. เพราะพระองค์ได้ทรงโปรดช่วยชีวิต (จิต) ข้าพเจ้าไว้ไม่ให้ตาย: ในที่สว่างกับผู้ที่มีชีวิตอยู่; พระองค์ไม่ได้ทรงช่วยเท้าของข้าพเจ้าไว้ไม่ให้ลื่นล้มลง เพื่อข้าพเจ้าจะได้ดำเนินฉะเพาะพระพักตรพระเจ้าดอกหรือ?”
บทเพลงสรรเสริญ 56:3-4, 9-13 -
เชิญชวนฟังคำสามัคคีธรรมเกี่ยวกับเรื่องวัวแดงกับมลทินอันเนื่องจากความตายว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เชื่อในวันนี้อย่างไร? ความตายฝ่ายวิญญาณคืออะไร? และเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวต้อนรับการเสด็จกลับมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราอย่างไร?
-
““เราเป็นต้นองุ่นแท้, และพระบิดาของเราเป็นผู้รักษา (ต้นองุ่น). ทุกกิ่งในเราที่มิได้เกิดผล พระองค์ทรงตัดทิ้งเสีย, และทุกกิ่งที่เกิดผล พระองค์ทรงลิดแขนงเพื่อจะให้เกิดผลมากขึ้น.”
“บัดนี้ท่านทั้งหลายถูกชำระให้สะอาดโดยคำที่เราได้กล่าวแก่ท่านแล้ว. จงเข้าสนิทอยู่ในเรา, และเราเข้าสนิทอยู่ในท่าน. กิ่งจะเกิดผลเองไม่ได้ เว้นไว้ติดอยู่กับต้นฉันใด. ท่านทั้งหลายจะเกิดผลไม่ได้ เว้นไว้ได้เข้าสนิทอยู่ในเราฉันนั้น.”
“เราเป็นต้นองุ่น, ท่านทั้งหลายเป็นกิ่ง ผู้ใดที่เข้าสนิทอยู่ในเรา และเราเข้าสนิทอยู่ในเขา, ผู้นั้นจะเกิดผลมาก เพราะถ้านอกจากเราแล้ว ท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย. ถ้าผู้ใดมิได้เข้าสนิทอยู่ในเรา, ผู้นั้นต้องถูกทิ้งเสียเหมือนกิ่ง, แล้วก็เหี่ยวแห้งไป, และเขารวบรวมไว้ ทิ้งในไฟเผาเสีย.”
“ถ้าท่านทั้งหลายเข้าสนิท (ฝัง) อยู่ในเรา, และถ้อยคำของเราฝังอยู่ในท่าน ท่านจะขอสิ่งใดซึ่งท่านปรารถนา ก็จะทรงทำสิ่งนั้นเพื่อท่าน”
“พระบิดาของเราได้รับเกียรติยศเพราะสิ่งนี้, คือเมื่อท่านเกิดผลมาก, ท่านทั้งหลายจึงเป็นสาวกของเรา.””
“ถ้าท่านทั้งหลายประพฤติตามบัญญัติของเรา, ท่านจะตั้งมั่นคง (เข้าสนิท) อยู่ในความรักของเรา เหมือนเราได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระบิดา, และตั้งมั่นคง (เข้าสนิท) อยู่ในความรักของพระองค์ นี่แหละเป็นบัญญัติของเรา, คือให้ท่านทั้งหลายรักกันและกันเหมือนเราได้รักท่าน ความรักใหญ่กว่านี้ไม่มี, คือว่าซึ่งผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตัวเพื่อมิตรสหายของตน. ถ้าท่านทั้งหลายจะประพฤติตามที่เราสั่งท่านๆ จะเป็นมิตรสหายของเรา. ท่านทั้งหลายมิได้เลือกเรา, แต่เราได้เลือกท่านทั้งหลาย. และได้ตั้งท่านไว้เพื่อท่านจะไปเกิดผล. และผลของท่านจะอยู่ถาวร เพื่อเมื่อท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา, พระองค์จะทรงประทานสิ่งนั้นแก่ท่าน.”
โยฮัน 15: 1-8, 10, 12-14, 16 -
“ฝ่ายข้าพเจ้า, ข้าพเจ้าจะร้องทูลพระเจ้า; และพระยะโฮวาจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด. พระองค์ได้ทรงไถ่ชีวิตจิตของข้าพเจ้าให้เป็นสงบสุข พ้นจากสงครามที่ยกมาสู้ข้าพเจ้า; เพราะคนที่รบสู้ข้าพเจ้ามีมาก. พระองค์, คือพระเจ้าที่ทรงประทับอยู่บนพระที่นั่งแต่กาลโบราณ, จะทรงฟัง, และทรงแก้แค้นเขาเหล่านั้น, คือเหล่าคนที่ไม่รู้เปลี่ยนใจ (do not change), และไม่เกรงกลัวพระเจ้า. เขาได้ยื่นมือออกต่อสู้คนที่เป็นมิตรกับเขา: เขาได้หักคำสัญญาไมตรีของตนแล้ว. ปากเขาปราศรัย แต่น้ำใจเขาเชือดคอ: วาจาของเขาอ่อนโยนกว่าน้ำมัน, แต่ว่าคมเหมือนดาบที่ชักออกจากฝัก. จงทอดภาระของท่านไว้กับพระยะโฮวา, และพระองค์จะทรงเป็นธุระให้ (ค้ำชู): พระองค์จะไม่ยอมให้คนชอบธรรมแตกฉานซ่านเซ็น (คลอนแคลน, ล้มลง) ไป.”
บทเพลงสรรเสริญ 55:16, 18-22 -
““อย่าให้ใจท่านทั้งหลายวิตกเลย ท่านวางใจในพระเจ้า. จงวางใจในเราด้วย.
เราจะมาอีกรับท่านให้ไปอยู่กับเรา เพื่อเราอยู่ที่ไหนท่านทั้งหลายจะอยู่ที่นั่นด้วย. เราจะไปทางไหน ท่านก็รู้, ท่านทั้งหลายรู้จักทางนั้น.” พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “เราเป็นทางนั้น, เป็นความจริง, และเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาเว้นไว้มาทางเรา ถ้าท่านทั้งหลายได้รู้จักเราแล้ว, ท่านก็จะได้รู้จักพระบิดาของเราด้วย ตั้งแต่นี้ไปท่านก็รู้จักพระองค์และได้เห็นพระองค์.”
เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ผู้ที่วางใจในเรา กิจการซึ่งเรากระทำนั้นเขาจะกระทำด้วย และเขาจะกระทำการใหญ่กว่านั้นอีก, เพราะเราไปถึงพระบิดาของเรา.
ถ้าท่านทั้งหลายรักเรา, ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา.
เราจะขอพระบิดา, และพระองค์จะทรงประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งแก่ท่าน, เพื่อจะอยู่กับท่านเป็นนิตย์. คือพระวิญญาณแห่งความจริง ผู้นั้นโลกรับไม่ได้, เพราะไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์, เพราะว่าพระองค์อาศัยอยู่กับท่าน และอยู่ภายในท่าน
ผู้ที่มีบัญญัติของเราและประพฤติตามบัญญัตินั้น, ผู้นั้นแหละรักเรา, และผู้ที่รักเราพระบิดาของเราจะทรงรักผู้นั้น, และเราจะรักเขา และจะสำแดงตัวของเราเองให้ปรากฏแก่เขา,”
พระเยซูตรัสตอบเขาว่า, “ถ้าผู้ใดรักเรา, ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา, แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขา, และจะสถิตอยู่กับเขา ผู้ที่มิได้รักเรา, ผู้นั้นมิได้ประพฤติตามคำของเรา คำซึ่งท่านทั้งหลายได้ยินไม่ใช่คำของเรา, แต่เป็นคำของพระบิดาที่ทรงใช้เรามา.”
แต่พระองค์ผู้ช่วยนั้นคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรา. พระองค์นั้นจะสอนท่านทุกสิ่ง. และจะให้ท่านระลึกถึงทุกสิ่งที่เราได้กล่าวแก่ท่านแล้ว. เรามอบความสุขไว้แก่ท่านทั้งหลาย ความสุขของเราๆ ให้แก่ท่านเราให้แก่ท่านไม่เหมือนโลกให้. อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์. อย่ากลัวเลย.”
โยฮัน 14:1, 3-4, 6-7, 12, 15-17, 21, 23-24, 26-27 -
“ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงช่วยข้าพเจ้าโดยพระนามของพระองค์, ขอทรงตัดสินความของข้าพเจ้าโดยฤทธิ์เดชของพระองค์. ข้าแต่พระเจ้า, ขอทรงโปรดสดับฟังคำอธิษฐานของข้าพเจ้า; ขอพระองค์เงี่ยพระกรรณลงฟังวาจาของข้าพเจ้า. เพราะแขกเมืองลุกขึ้นต่อสู้ข้าพเจ้า, คนโหดร้ายแสวงหาชีวิตของข้าพเจ้า: เขาทั้งหลายไม่ยกพระเจ้าไว้ต่อหน้าเขาเลย. ดูเถิด, พระเจ้าเป็นผู้ทรงช่วยข้าพเจ้า: พระองค์ป้องกันชีวิตของข้าพเจ้าไว้.”
บทเพลงสรรเสริญ 54:1-4 TH1940 -
”เมื่อก่อนการเลี้ยงปัศคา พระเยซูทรงทราบว่าเวลามาถึงแล้ว ที่พระองค์จะออกจากโลกไปยังพระบิดา, พระองค์ทรงรักพวกศิษย์ของพระองค์ซึ่งอยู่ในโลกนี้แล้ว, พระองค์ยังทรงรักเขาจนถึงที่สุด. แล้วพระองค์จึงเอาน้ำเทในอ่าง, แล้วทรงล้างเท้าของเหล่าสาวก. และเช็ดด้วยผ้าที่คาดเอวไว้นั้น. เปโตรจึงทูลว่า. “พระองค์จะล้างเท้าของข้าพเจ้าไม่ได้เลย.” พระเยซูจึงตรัสตอบว่า, “ถ้าเราไม่ล้างท่านแล้ว, ท่านจะมีส่วนในเราไม่ได้.”
พระเยซูตรัสแก่เขาว่า. “ผู้ที่อาบน้ำแล้วไม่ต้องการล้างตัวอีก เว้นแต่เท้า”
เหตุฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ ได้ล้างเท้าของท่านทั้งหลายๆ ควรจะล้างเท้าซึ่งกันและกัน. ด้วยว่าเราได้วางแบบอย่างให้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว, เพื่อให้ท่านทำเหมือนที่เราได้กระทำแก่ท่าน. ถ้าท่านทั้งหลายรู้สิ่งเหล่านั้นแล้ว และประพฤติตาม, ท่านก็จะเป็นสุข.
เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย, คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน. เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วฉันใด, เจ้าจงรักซึ่งกันและกันด้วยฉันนั้น.“
โยฮัน 13:1, 5, 8, 10, 14-15, 17, 34 TH1940 -
”พระเจ้าได้ทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์ดูมนุษย์ชาติ, ประสงค์จะเห็นว่ามีผู้ใดที่มีความเข้าใจ, คือผู้ที่แสวงหาพระเจ้า.
โอ, ขอให้ความรอดที่จะให้แก่พวกยิศราเอล, ได้ออกมาจากเมืองซีโอน! เมื่อครั้งพระเจ้าโปรดนำพลไพร่ของพระองค์ที่ได้ตกไปเป็นชะเลย, แล้วยาโคบจะชื่นชม, และพวกยิศราเอลจะยินดี“
บทเพลงสรรเสริญ 53:2, 6 -
”ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า, “เวลาที่บุตรมนุษย์จะรับสง่าราศีนั้นมาถึงแล้ว. เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, ถ้าเมล็ดข้าวไม่ได้ตกลงในดินและเปื่อยเน่าไป ก็จะอยู่เป็นเมล็ดเดียว, แต่ถ้าเปื่อยเน่าไปแล้ว จะงอกขึ้นเกิดผลมาก. ผู้ที่รักชีวิตของตนจะเสียชีวิต, และผู้ที่ชังชีวิตของตนในโลกนี้จะรักษาชีวิตนั้นไว้นิรันดร์. ถ้าผู้ใดจะปรนนิบัติเรา, ให้ผู้นั้นตามเรามา และเราอยู่ที่ไหน ผู้ปรนนิบัติเราจะอยู่ที่นั่นด้วย ถ้าผู้ใดปรนนิบัติเรา, พระบิดาของเราจะทรงโปรดประทานยศศักดิ์ให้แก่ผู้นั้น.
พระเยซูตรัสแก่เขาว่า, “ความสว่างจะอยู่กับท่านทั้งหลายอีกหน่อยหนึ่ง. เมื่อยังมีความสว่างอยู่ จงเดินไปเถิด, เพื่อจะไปถึงก่อนมืด ผู้ที่เดินในความมืด ไม่รู้ว่าไปทางไหน. เมื่อท่านทั้งหลายยังมีความสว่างอยู่, จงวางใจในความสว่างนั้น, เพื่อจะได้เป็นลูกแห่งความสว่าง.” เรามาเป็นความสว่างในโลก, เพื่อทุกคนที่วางใจในเราจะมิได้อยู่ในความมืด ถ้าผู้ใดได้ยินถ้อยคำของเราและมิได้เชื่อ, เราก็มิได้พิพากษาผู้นั้น เพราะว่าเรามิได้มาเพื่อจะพิพากษาโลก, แต่มาเพื่อจะช่วยโลกให้รอด. ถ้าผู้ใดไม่ยอมรับเราและไม่รับคำของเรา, ผู้นั้นมีสิ่งหนึ่งซึ่งจะพิพากษาเขาคือ คำที่เราได้กล่าวนั้นแหละจะพิพากษาเขาในวันที่สุด.“
โยฮัน 12:23-26, 35-36, 46-48 TH1940 -
”เจ้าคนเก่งกล้าเอ๋ย ทำไมจึงโอ้อวดในการชั่ว? ทำไมยังคงยโสโอหังอยู่ทุกวี่วัน? เจ้าผู้เป็นตัวอัปยศในสายพระเนตรของพระเจ้า ลิ้นของเจ้าวางแผนทำลายล้าง ดั่งมีดโกนคมกริบ เจ้าตวัดลิ้นตลบตะแลง (ทำให้เข้าใจผิด หรือทำให้หลงผิด) เจ้ารักความชั่วมากกว่าความดี และรักความเท็จยิ่งกว่าการพูดความจริง เสลาห์ เจ้ารักคำพูดให้ร้ายทุกคำ เจ้าคนร้อยลิ้นกะลาวน! แน่ทีเดียว พระเจ้าจะนำเจ้าสู่ความพินาศนิรันดร์ พระองค์จะทรงกระชากเจ้าออกจากเต็นท์ของเจ้า พระองค์จะทรงถอนรากถอนโคนเจ้าจากแดนผู้มีชีวิต เสลาห์“
สดุดี 52:1-5 TNCV -
หลังจากที่ยาโคบได้บอกเหตุที่จะบังเกิดแก่ลูกทั้งหลายในเวลาภายหน้าเสร็จแล้ว ก็ยกเท้าขึ้นบนที่นอน แล้วก็สิ้นชีพไป โยเซฟจึงสั่งให้พวกหมออาบยารักษาศพบิดาไว้ แล้วไว้ทุกข์ถึง 40 วัน และได้ขออนุญาตฟาโรห์ว่า บิดาได้ให้ตนสาบานตัวไว้ว่าจะฝังศพไว้ในอุโมงค์ ณแผ่นดินคะนาอัน จึงขออนุญาตไปฝังศพ แล้วจะกลับมา ฟาโรห์ก็ให้อนุญาต คราวนั้นนอกจากโยเซฟกับพวกพี่น้องและวงศ์ญาติ ยังมีมหาดเล็ก ข้าราชการผู้ใหญ่ บรรดาผู้หัวหน้าทั่วแผ่นดินก็ตามไปในขบวนแห่ศพด้วย เมื่อฝังเสร็จแล้วก็กลับมาประเทศอายคุดโต พี่ชายโยเซฟ เห็นว่าบิดาตายแล้ว น่ากลัวโยเซฟจะแก้แค้นพวกตน จึงใช้คนไปเรียนโยเซฟว่า บิดาก่อนสิ้นใจได้สั่งไว้ให้ท่านยกความผิดของพวกพี่ชายท่าน และพวกเขามากราบลงต่อหน้าโยเซฟโยเซฟจึงปลอบประโลมใจพวกเขาว่า “อย่ากลัวเลยเราเป็นผู้แทนพระเจ้าหรือ พวกท่านได้คิดทำร้ายแก่เราจริง แต่ฝ่ายพระเจ้าทรงดำริให้เกิดผลดี อย่างที่บังเกิดในวันนี้แล้ว คือช่วยชีวิตมนุษย์เป็นอันมากให้รอด อย่ากลัวเลย เราจะบำรุงเลี้ยงพวกท่านทั้งบุตรทั้งหลายด้วย”. โยเซฟมีอายุได้ 110 ปีก็ตาย และเมื่อจวนจะตายแล้วก็ให้พงศ์พันธ์ญอิสราเอลสาบานตัวบอกว่า พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่าน แล้วท่านจะต้องขนกระดูกของเราออกไปจากเมืองนี้.
- Laat meer zien